เมนู

เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่อย่างนี้แล มนัสจึงจะปราศจากอหังการ มมังการ
และมานะในกายที่มีใจครองนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงส่วน
แห่งมานะด้วยดี สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว ดังนี้.
จบอปคตสูตรที่ 12
จบทุติยวรรคที่ 2

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ



1. จักขุสูตร 2. รูปสูตร 3. วิญญาณสูตร
4. สัมผัสสสูตร 5. เวทนาสูตร 6. สัญญาสูตร
7. เจตนาสูตร 8. ตัณหาสูตร 9. ธาตุสูตร
10. ขันธสูตร 11. อนุสยสูตร 12. อปคตสูตร.
จบราหุลสังยุตที่ 6

อรรถกถาอปคตสูตรที่ 12



พึงทราบวินิจฉัยในอปคตสูตรที่ 12 ดังต่อไปนี้.
บทว่า อหํการมมํการมานาปคตํ ได้แก่ปราศจากอหังการทิฏฐิ
มมังการตัณหา และมานะ. บทว่า วิธา สมติกฺกนฺตํ ได้แก่ก้าวล่วง
ด้วยดีซึ่งส่วนแห่งมานะ. บทว่า สนฺตํ สุวิมุตฺตํ ได้แก่ชื่อว่าสงบ
เพราะสงบกิเลสเสียได้ ชื่อว่าหลุดพ้นด้วยดีจากกิเลสทั้งหลาย. คำที่เหลือ
ง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาทุติยวรรคที่ 2

แม้ในวรรคทั้งสอง ก็ตรัสอเสกขภูมิไว้. แต่ในวรรคทั้งสองนั้น
วรรคที่ 1 ทรงแสดงแก่พระราหุลผู้ทูลขอ. วรรคที่ 2 ทรงแสดงแก่พระ
ราหุลผู้มิได้ทูลขอ. แต่ตรัสธรรมอันอบรมบ่มวิมุตติสำหรับพระเถระใน
ราหุลสังยุตแม้ทั้งสิ้นแล.
จบราหุลสังยุต

7. ลักขณสังยุต



ปฐมวรรคที่ 1



1. อัฏฐิสูตร



ว่าด้วยโครงกระดูกลอยฟ้าเป็นเหตุให้แย้ม



[636] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลัน-
ทกนิวาปสถาน กรุงราขคฤห์.
ก็สมัยนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่าน
พระมหาโมคคัลลานะอยู่บนภูเขาคิชฌกูฏ.
[637] ครั้งนั้นแล เป็นเวลาเช้า ท่านพระมหาโมคัลลานะ
นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปหาท่านพระลักขณะจนถึงที่อยู่ ครั้นเข้าไป
หาแล้วได้กล่าวชวนท่านพระลักขณะว่า มาไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์
ด้วยกันเถิดท่านลักขณะ ท่านพระลักขณะรับคำท่านพระมหาโมคคัลลานะ
ว่า อย่างนั้น ลำดับนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะกำลังลงจากภูเขา
คิชฌกูฏ ได้แย้มขึ้นในที่แห่งหนึ่ง. ทีนั้น ท่านพระลักขณะได้ตาม
ท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ท่านโมคคัลลานะ อะไรเล่าเป็นเหตุ เป็น
ปัจจัยทำให้แย้ม ท่านมหาโมคคัลลานะตอบว่า ท่านลักขณะ มิใช่
เวลาที่จะเฉลยปัญหาข้อนี้ ท่านจงถามผมในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด.
[638] ครั้งนั้นแล ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ